วิธีสังเกตว่าท้องหรือไม่ ด้วย 15 สัญญาณเตือนที่ช่วยให้สังเกตตัวเองได้ตั้งแต่ระยะแรก ๆ ว่าท้องหรือไม่ เข้าข่ายตั้งครรภ์หรือเปล่า หมดปัญหาจะรู้ได้ไงว่าท้อง? ให้คุณแม่มือใหม่สังเกตตัวเองได้ไม่ยาก ช่วยลดโอกาสเกิดอาการคนท้องไม่รู้ตัว จนรู้ตัวช้าไปเป็นเดือน ๆ พร้อมคำแนะนำเมื่อพบสัญญาณเตือนตั้งครรภ์ ให้คุณเลือกปฏิบัติได้ตามความเหมาะสม

อาการคนท้องระยะเริ่มต้นเป็นอย่างไร วิธีสังเกตอาการว่าท้องหรือไม่
อาการคนท้องในระยะเริ่มต้นสามารถเกิดได้หลายอาการ โดยอาจมีอาการใดอาการหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษ หรืออาจเกิดหลาย ๆ อาการร่วมกันก็ได้ ประกอบไปด้วยสัญญาณเตือนการตั้งครรภ์เด่น ๆ ทั้งหมด 15 อาการ ซึ่งจะช่วยให้สังเกตว่าเข้าข่ายตั้งครรภ์หรือไม่ได้ด้วยตนเอง
1.ประจำเดือนไม่มา ขาดประจำเดือนนาน
การขาดประจำเดือน เป็นอาการที่เกิดได้ทันทีหลังจากเริ่มตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงเป็นข้อสังเกตว่าท้องหรือไม่ที่ง่ายที่สุด โดยในคนที่ประจำเดือนมาปกติ แล้วจู่ ๆ ประจำเดือนก็ขาดไป ทว่าอาการนี้ก็สามารถเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น ความเครียด ร่างกายอ่อนแอ การใช้ยาคุมกำเนิด และโรคต่าง ๆ ได้เช่นกัน จึงควรสังเกตอาการอื่น ๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ควบคู่ไปด้วย
2.มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
อาการคลื่นไส้อาเจียนก็เป็นอีกหนึ่งอาการทั่วไปที่พบได้บ่อย สามารถเกิดอาการได้ตั้งแต่ช่วง 2 สัปดาห์แรก จนถึง 1 เดือนเป็นต้นไป สำหรับบางรายอาจมีอาการคนแพ้ท้องร่วมด้วย นอกจากการคลื่นไส้อาเจียนจะเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์แล้ว ก็อาจเกิดจากความเครียด หรืออาหารเป็นพิษได้เช่นกัน
3.มีอาการคัดเต้านม หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงบริเวณหน้าอก
อาการคัดเต้านมหรือเต้านมขยาย เป็นหนึ่งในอาการแรก ๆ ที่สามารถสังเกตว่าท้องหรือไม่ เนื่องจากจะมีอาการภายในช่วง 2-3 วันหลังการตั้งครรภ์ โดยอาจมีอาการบวม อ่อนไหว เจ็บแปลบ ๆ คล้าย ๆ กับอาการช่วงมีประจำเดือนในบางคน ดังนั้นหากมีอาการนี้ร่วมกับการขาดประจำเดือนก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์
4.ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
การปัสสาวะบ่อยกว่าปกตินี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหลังการตั้งครรภ์ และร่างกายต้องขับของเสียของทารกด้วย นอกจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแล้วการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อาจเบียดทับกระเพาะปัสสาวะจนส่งผลให้คุณแม่ปัสสาวะบ่อยได้เช่นกัน ซึ่งอาจมีอาการเริ่มตั้งแต่ช่วง 6-8 สัปดาห์หลังตั้งครรภ์
5.สีผิวบริเวณลานนม ช่องคลอด หรือปากมดลูกเปลี่ยนแปลงไป
สีผิวบริเวณลานนม ช่องคลอด และปากมดลูกเปลี่ยนแปลงไป เป็นอาการที่จะเริ่มภายในช่วง 3 เดือนแรกหลังตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
6.เหนื่อยล้าง่าย ร่างกายอ่อนแรง
อาการร่างกายเหนื่อยล้า อ่อนแรง ง่ายกว่าปกติ และอาจมีการหายใจถี่ร่วมด้วย เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่เพิ่มระดับสูงขึ้น ซึ่งจะมีอาการมากในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
7.อารมณ์แปรปรวน
อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ภายในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกายเพื่อการเลี้ยงดูทารกในครรภ์ ในบางรายอาจมีอาการฝันร้ายร่วมด้วย
8. อุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป
อุณหภูมิในร่างกายของคุณแม่สูงขึ้น รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้หรือมีไข้ต่ำ ๆ เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ให้คุณแม่เผาผลาญได้ดีขึ้น และเตรียมความพร้อมเพื่อการบำรุงทารกในครรภ์ตลอดจนการสร้างน้ำนมหลังคลอด
9.ความอยากอาหารผิดปกติทั้งเบื่ออาหารหรืออยากกินอาหารบางชนิด
ความอยากอาหารเปลี่ยนไป อาจเริ่มได้ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์แรกหลังการตั้งครรภ์ อาจเริ่มไม่ชอบอาหารที่เคยชอบ หรือจู่ ๆ ก็อยากกินอาหารที่ไม่ค่อยได้กิน ในบางรายอาจเบื่ออาหารร่วมด้วย
10.ปวดท้องน้อยแบบหน่วง ๆ
อาการปวดหน่วง ๆ ที่ท้องน้อย หรือรู้สึกราวกับเป็นตะคริวในบริเวณดังกล่าว เป็นผลมาจากการขยายตัวของมดลูกเพื่อรองรับการเติบโตของทารกในครรภ์ สามารถเริ่มมีอาการได้ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์แรก
11.ท้องป่องเหมือนช่วงเป็นประจำเดือน
อาการท้องป่องคล้ายกันกับช่วงเป็นประจำเดือน เป็นอาการที่เกิดจากการขยายตัวของมดลูกให้พร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งสามารถเริ่มสังเกตอาการได้ตั้งแต่สัปดาห์แรก ดังนั้นจึงควรสังเกตอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยว่าเข้าข่ายตั้งครรภ์จริงหรือไม่
12.เกิดรอยแตกบริเวณหน้าท้องหรือเต้านม
สังเกตว่าท้องหรือไม่ จากการเกิดรอยแตกบริเวณต่าง ๆ ตั้งแต่บริเวณหน้าท้องไปจนถึงเต้านม ซึ่งอาจมีทั้งสีชมพูและสีคล้ำก็ได้ สามารถเกิดได้ตั้งแต่ช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
13.ไวต่อกลิ่นต่าง ๆ เป็นพิเศษ
เมื่อตั้งครรภ์แล้ว คุณแม่หลาย ๆ คนจะไวต่อกลิ่นต่าง ๆ มากเป็นพิเศษ ตั้งแต่กลิ่นอาหาร กลิ่นที่ติดตามตัวคน ตลอดจนกลิ่นที่ติดตามสิ่งของต่าง ๆ
14.มีเลือดออกแบบกะปริดกะปรอย
อาการเลือดออกกะปริดกะปรอย เป็นหนึ่งในอาการที่สังเกตว่าท้องหรือไม่ได้ง่ายที่สุดอาการหนึ่งของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ โดยสังเกตได้จากเวลาที่ปกติรอบเดือนควรจะมาในปริมาณมาก กลับกลายเป็นเลือดจำนวนน้อยผิดปกติแทน ซึ่งสามารถเกิดอาการขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
15.เป็นสิว
คุณแม่บางคนอาจเป็นสิวขณะตั้งครรภ์ได้เช่นกัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลให้การต่อมไขมันใต้ผิวหนังทำงานผิดปกติ จึงอาจเกิดสิวธรรมดา ไปจนถึงสิวเห่อจำนวนมากได้
ใช้เวลากี่วันถึงจะรู้ว่าท้อง สังเกตอาการคนท้องได้เมื่อไหร่
ต้องรอกี่วันถึงจะรู้ว่าท้อง จะสังเกตอาการคนท้องได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยทั่วไปแล้วสามารถเริ่มสังเกตอาการคนท้องได้ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์แรกหลังจากสงสัยว่าตั้งครรภ์ เนื่องจากสัญญาณเตือนคนเริ่มท้องแต่ละอาการมีช่วงระยะเวลาเริ่มต้นที่แตกต่างกันไป
วิธีสังเกตว่าท้องหรือไม่โดยการสังเกตอาการเหล่านี้จึงสามารถเริ่มสังเกตหลาย ๆ อาการควบคู่กันไปได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ แต่ในบางรายที่แสดงอาการช้าหรือไม่ค่อยแสดงอาการก็อาจใช้เวลามากกว่าเช่น 1-2 เดือนเป็นต้นไป
เมื่อพบสัญญาณเตือนการตั้งครรภ์แล้วควรเริ่มดูแลตนเองอย่างไร
เมื่อพบสัญญาณเตือนตั้งครรภ์แล้วคุณแม่ควรเริ่มดูแลตนเองโดยการพักผ่อนให้เพียงพอ และงดการออกแรงเยอะๆ ไปก่อน โดยในระหว่างนี้ควรตรวจสอบว่าสัญญาณดังกล่าวเป็นสัญญาณการตั้งครรภ์จริงหรือไม่โดยการตรวจครรภ์เบื้องต้นด้วยตนเอง
อยากรู้ว่าท้องชัวร์ไหมให้ตรวจครรภ์หลังมีอาการ
การตรวจครรภ์หลังสังเกตพบอาการ โดยการใช้ที่ตรวจครรภ์หาค่าเอชซีจี (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ hcg คือ) ซึ่งการใช้ที่ตรวจครรภ์เป็นเพียงการตรวจเบื้องต้นเท่านั้น หากไม่แน่ใจสามารถตรวจครรภ์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้
ปรึกษาแพทย์หลังทราบผลการตรวจ
หลังทราบผลการตรวจว่ามีการตั้งครรภ์จริง ๆ แล้ว ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการฝากครรภ์ และขอคำแนะนำเฉพาะเพิ่มสำหรับการดูแลตนเอง ทั้งนี้คุณแม่ควรตรวจดาวน์ซินโดรมเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่าลูกน้อยจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงอีกด้วย
สรุป
วิธีสังเกตว่าท้องหรือไม่สามารถเริ่มสังเกตได้ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์แรก ๆ โดยสามารถสังเกตได้จาก 15 อาการหลักดังที่กล่าวไปในบทความ แต่ในบางรายอาจมีอาการช้าหรือแทบไม่มีอาการเลยจึงทำให้สังเกตอาการได้ช้ากว่า
เมื่อพบอาการเหล่านั้นแล้วให้ทำการตรวจครรภ์ โดยอาจใช้ที่ตรวจครรภ์หรือการไปพบแพทย์ก็ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นอาการที่เข้าข่ายตั้งครรภ์จริงและสามารถฝากครรภ์เพื่อดูแลสุขภาพลูกน้อยในครรภ์ได้ต่อไป
Reference:
Pregnancy – signs and symptoms Available from : https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/healthyliving/pregnancy-signs-and-symptoms#bhc-content
Am I Pregnant? Available from : https://my.clevelandclinic.org/health/articles/9709-pregnancy-am-i-pregnant
Signs and symptoms of pregnancy Available from :
https://www.nhs.uk/pregnancy/trying-for-a-baby/signs-and-symptoms-of-pregnancy/
วิธีสังเกตสัญญาณการตั้งครรภ์ (อาการคนท้อง) Available from : https://www.hifamilyclub.com/pregnancy/conception/pregnancy-signs.html
[…] […]